12 หางออนไลน์ – หมาป่าเบลดมาสเตอร์(BladeMasTer)

      อ่า…ok ครับวันนี้เราจะมารีวิวหมาป่าเบลดมาสเตอร์กันน่ะครับ ซึ่งผมจะรีวิวสกิลที่เด่นๆกันน่ะครับ ซึ่งปัจจุบันเป็นหมาป่าที่หาพันธ์แท้ยากจิงๆอะน่ะครับ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบมากๆเพราะมัน….เท่!! 55+ อะน่ะครับ ซึ่งสกิลส่วนใหญ่ของหมาป่าเบลดนั้นเน้นความเร็วทั้งสิ้น ซึ่งเหมาะกับการเก้บเวล กับ pvp (นิดหน่อย) แต่ค่าสเต้ต้องอัพเป็นน่ะครับ ไม่งั้นตายง่ายแน่นอน สำหรับผมน่ะครับ ชอบอันติเมจของหมาป่าสายพันธ์นี้ เลยอัพ TAL+CHA+AGI+VIT+ATK(นิดหน่อย)อะน่ะครับ ความจริง ผมชวนคุณ senridenzu เล่นเกมนี้หล่ะ ซึ่งเค้าก้เล่นเกมนี้จิงๆด้วย โดยต้องมีข้อตกลงกันคือผมต้องพาเวลให้ = =”(เซ็งนิดๆ แต่เค้าเป็นพี่ก้ทำอะไรไม่ได้(มั้ง)เพราะผมกะจะหาเวลาว่างไปตบหัวพี่เค้า 55)  เปรี้ยงง!!//คุณ senridenzu เดินมาตบหัว = =” 

 

 

     

 

   สกิลแรก คือ สกิล BladeFang นะครับ ซึ่งจะมีให้อัพ 3 ขึ้น เป็นสกิลที่หมาป่าทั้ง 2 สายพันธ์จะต้องมีหล่ะครับ เพราะเป็นสกิลจำเป็นในการ PVP หรือแม้แต่การเก็บเลเวลก้ตาม

 

 

 

  

 

สกิลที่ 2 ขอไม่พูดถึงน่ะครับ เพราะเป็นสกิลติดตัว ที่สามารถให้เรามีโอกาสได้ sp เพิ่มขึ้นเมื่อทำการโจมตี สกิลที่ 3 นี้ชื่อว่าสกิล Provoke น่ะครับ ซึ่งจะทำการหยุดการเพิ่ม HP MP SP และสร้าง Hate ให้เป้าหมายน่ะครับ(พุดง่ายๆให้ศัตรูมาเล่นงานตัวเองหล่ะครับ)

 

 

 

 

 

สกิลที่ 4 น่ะครับเป็นสกิลที่ สไลด์ไปหาเป้าหมาย และ โจมตีเพื่อหยุดการโจมตีของเป้าหมายน่ะครับ ซึ่งก้ดีในบางครั้งน่ะครับ หรือ ว่าจะใช่หลบการโจมตีของศัตรูก้ไม่เลวน่ะครับ 55+

 

 

 

   

 

สกิลที่ 5 อะน่ะครับ = =” มีตัวอักษรของเพื่อนผมมาด้วยอะน่ะครับ ขออภัยด้วย = =” เป็นสกิลที่สามารถสะท้อนค่าโจมตีของเป้าหมายกลับไปได้(ถ้าอยู่ในระยะ) + กับค่าโจมตีของเราเข้าไปด้วย(โอว สุดยอด) แต่ถ้าอัพเต็มแล้ว สกิลนี้จะมีการทำเอง โดยที่ ค่าโจมตีนั้นต้องเกิน 7 เปอเซ็นของ HP น่ะครับ สกิลนี้มีชื่อว่า Counter Strike น่ะครับเมื่ออัพไปถึงขั้นที่ 3สกิลจะเปลี่ยนเป็นชื่อว่า Impulse

 

 

 

 

 

สกิลที่ 6 นี้ก้เป็นสกิลที่หมาป่าทั้ง 2 สายพันธ์ใช้กันน่ะครับ เพราะใช้ sp ในการใช้สกิล ทำให้ไม่ต้องเสียอะไรมาก ซึ่งสกิลนี้มีชื่อว่า Feral  Strike น่ะครับซึ่งสกิลนี้จะพุ่งเป็นเส้นตรงไปหาเป้าหมายน่ะครับ

 

 

 

  

 

สกิลที่ 7 น่ะครับ เป็นสกิลที่โจมตีเป้าหมายที่อยู๋บริเวณข้างหน้าทั้งหมด ซึ่งทำให้เวลา มอนสเตอร์เดิน หรือ ผู้เล่น PVP หลบ ก้อาจจะเป็นเป้าหมายได้ง่าย สกิลนี้มีชื่อว่า Blade Song น่ะครับ เมื่ออัพถึงขั้นสุดท้ายในเพลงดาบสุดท้ายจะปล่อยเพลงดาบอีกเพลงหนึ่งออกไปซึ่งเพลงดาบนี้จะสร้างความเสียหายตามจำนวนครั้งที่สกิลนี้โดนเป้าหมายอะน่ะครับ

 

 

  

 

สกิลต่อไป สกิลที่ 8 นี้เป็นสกิลที่เท่มากๆ อะน่ะครับ ซึ่งสกิลนี้ทำให้การโจมตีปกติของเราเปลี่ยนเสียงไป(สะใจมากเสียงของดาบ) และ + ค่าโจมตีเพิ่มขึ้นน่ะครับ ซึ่งสกิลนี้มีชื่อว่า  Dark Eage ครับ

 

 

 

 

 

 

สกิลสุดท้ายของเรา สกิลไม้ตาย หรือ ที่เรียกกันว่า อันติเมจหล่ะครับ เป็นอันติเมจที่ผมชอบที่สุด เพราะสกิลนี้จะเพิ่ม ความเร็วในการวิ่ง ทำให้เราวิ่งเร็วๆมาก ที่ผมคอยลองมากสุดก้ 10.5 อะครับ (ขนาดยังอัพ AGI ไม่เยอะ หากใครอัพเยอะกว่าผมก้อาจจะ 11+ ก้ได้น่ะครับ 55+) ซึ่งหากเราอัพสกิลนี้จนเต็ม เมื่อเรากดคลิกซ้ายค้าง ท่าชาตของเราจะเปลี่ยนเป็นสกิล Ferak Strike ซึ่งเราเสีย Sp แค่ 2 ในการใช้เท่านั้นเองน่ะครับ ทำให้หมาป่าเบลดร่างอันติเมจสุดยอดจิงๆ(หากไม่มีแกะลบสถานะ)

 

 

  ** ก้ขอจบรีวิวแต่เพียงเท่านี้หล่ะครับ รีวิวนี้อาจจะไม่ดีมากทะไหร่เดียวว่างๆผมจะมาแก้ไขอีกทีหนึ่งน่ะครับ ซึ่งขอขอบคุณเพื่อนของผม คุณ garin06 ด้วยน่ะครับ ก้เจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ บ้าย บาย**

 

 

 

 

 

 

12 หางออนไลน์ – โคลอสเซียม(2)

อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค+!!!!..ขอบอกไว้ก่อนเลยน่ะว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำ 2 Part จริงๆ แต่มันไม่ยอกให้ผมทำต่อออออออ ผมเลยต้องมาทำแยก 2 Part เนี่ย ไม่รู้มันเป็น้บาอะไรอีก = =** เซ็งจิงๆ อะ……งั้นก็มารีวิวต่อกันน่ะครับ

      2.ทหารเสือดำ- ไว้สำหรับเอาแต้ม RP มาซื้อพวกของต่างๆ ที่ช่วยเสริมการเล่นให้ผู้เล่นได้

 

 

 

 

 

     3. ทหารเสือดาว – ไว้สำหรับในการลงสมัครแข่ง อารีน่า เพื่อชิงชัยสงครามในสนามรบซึ่ง อารีน่ามีหลายรูปแบบ เช่น อารีน่าไฟ,อารีน่าชิงธง(7-7) เป็นต้น

 

 

 

                                                             ** สุดท้ายนี้ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า คอมผมเป็นอะไรไม่รุ้ ไม่รุ้ว่าที่อัพลงไม่ได้ หรือ เวลาจะเอาลงตัวอักษรมันแปลกๆ! มันเป้นเพราะเครื่องผม หรือ เน็ต! จะทำอะไรก้ไม่ได้ ต้อง รีเฟสอย่างเดียวแล้วก้ต้องมาทำใหม่! บันทึกฉบับร่างไว้ก้ไม่เข้า! ไว้คราวหน้าจะปรับปรุงแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นหล่ะกัน =*= เซ็ง เครียด การบ้านก็เยอะอีก สอบก้ใกล้จะมาแล้ว งานก้เยอะไปไหนก้ไม่รู้ บ้าย บาย ไปนอนหล่ะ เซ็งสุดๆ วันนี้!!!!!**

12 หางออนไลน์ – โคลอสเซียม(1)

 อ๊าคคคคคคคคคคคคค.. สวัสดีท่านผู้ชมน่ะครับ ฮึ่ยยยยย  = =* ขอบอกตามตรงเลยน่ะครับว่า ผมอะอัพโหลดเรื่องนี้ลงไปแล้ว แต่มันไม่เข้าาา ทำใหม่ตั้ง 2-3 รอบ ฮึ่ย น่าโมโหจิงๆ เฮ้อ ช่างมันหล่ะ กลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า ผู้เล่นใหม่บางคนอาจจะสงสัยว่าโคลอสเซียมมีไว้ทำอะไรน่ะครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอสิ่งต่างๆในโคลอสเซียมน่ะครับ โคลอสเซียมเป็นจุดรวมของคนเก่งมหากาฬเอาไว้มาประชันฝีมือกัน เพื่อชิงตำแหน่ง แชมเปี้ยน + กับ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ทางเข้าของโคลอสเซียม อยู่ทางด้านซ้ายมือถ้าขวามือจากประตูทางไปเมืองแสงน่ะครับ ซึ่งในโคลอสมีส่วนสำคัญต่างๆ ดังนี้

1. สนามบิน ซึ่งคุณกาซ่าจะเป็นผู้ขับเครื่องบินนำเราส่งไปยังที่ต่างๆ เช่น ทะเลทราย ดินแดนน้ำแข็ง เป็นต้น                                                                                                       

12 หางออนไลน์-ชุดแฟชั่น

 อ่า…OK ครับ วันนี้ผม หมีน้อยฟงฟง(คุณsenridenzu เค้าตั้งให้ ต้องใช้ซะหน่อย ฮาฮา)จะมาบอกเรื่องชุดแฟชั่นกันน่ะครับ บางคนอาจจะคิดว่าชุดแฟชั่นมีไว้ทำอะไรผมขอบอกตามตรงน่ะครับ ไว้เท่ 55+ ล้อเล่นๆน่ะ(แต่ก้มีจิง 55)ส่วนมากชุดแฟชั่นจะ +ค่า LCK ทุกชุดน่ะครับ และ จะ + อีกค่าหนึ่งอาจจะเป็น CHA หรือ TAL น่ะครับ ซึ่งชุดแฟชั่นแบ่งออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน คือ

1.ชุดแฟชั่น LV.5 – ชุดแฟชั่นเลเวล 5 นั้นสามารถเปิดได้จากราฟ 1 น่ะครับ(Raffle 1)ซึ่งแน่นอนชุดระดับ 1 ต้อง + ค่าน้อยกว่าชุดระดับอื่นอะน่ะครับ

 2.ชุดแฟชั่น LV.15 -เป็นอาวุธอะน่ะครับ ข้ามไปเหอะ เพราะผมม่ายรู้เรื่องงงงง(TT TT)

3.ชุดแฟชั่น LV.25 – เปิดได้จากราฟ 2 อะน่ะครับ(Raffle 2) ซึ่งค่าจะเพิ่มขึ้นมาจากชุดแฟชั่นระดับ 1

4.ชุดแฟชั่น LV.35 – เปิดได้จากกล่องฮัลโลวีนน่ะครับ แต่ตอนนี้หมดเทศการแล้วอะน่ะ เลยหายากต้องไปหาจากประมูลเอา หรือรับขายตามเมืองแสง(ส่วนผมเผอิญไม่คิดว่าจะมาทำอะไรแบบนี้เลยมให้เพื่อนในกิลด์ไปแล้ว โดยแลกกับแท่งเงิน 4 แท่ง = =”

5.ชุดแฟชั่น LV.45 – แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันน่ะครับ ส่วนแรกมีขายในร้านของคุณ Xinfu ซึ่งจะมี เสื้อ กับ หมวก ขายเท่านั้นอะน่ะครับ(ต้องเวล 45 ก่อนถึงจะมองเห็น) ส่วนอาวุธจะต้องเปิดจากราฟ 3( Raffle 3)ซึ่งหายากมั้ย ก็พอควรอะน่ะครับ ส่วนถ้าจะถามว่าหาง่ายมั้ย ก็ไม่ง่ายอะน่ะครับ = =” เอาเป็นว่า กลางๆหล่ะกันเนอะ ฮาฮา ส่วนแมวแกลมก็ไม่แน่เนอะ LCK เยอะดี 55+

**ก็สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากอะไรไว้หน่อยน่ะครับ ชุดแฟชั่นมีประโยชน์ ในการชุดชีวิตของหมาป่า(อันติเมจของสกิลหมาป่า Paladin) แมวแกลม(เพราะเป็นนักพนัน LCK ไม่มีหล่ะซวยเลย) หรือ ใครต้องการมีโอกาสในการสุ่มค่าต่างๆก็ซื้อมาใช้ได้น่ะครับ ไปหล่ะ บ้าย บาย เจอกันใหม่รีวิวหน้าน่ะขอครับ..**

12 หางออนไลน์ -ระบบ RP

    สวัสดีกันอีกครั้งน่ะครับ เพื่อนๆ วันนี้ผมจะมารีวิวเรื่อง ระบบ RP น่ะครับ ผู้เล่นใหม่บางคนอาจจะสงสัยว่า แต้ม RP เอาไปทำอะไรได้ และ ได้มาจากไหนน่ะครับ แต้ม RP ได้จาก Mission ต่างๆที่เราได้ทำภารกิจของ Mission นั้นสำเร็จ หรือ ได้จากการลงอารีน่าก็ได้แต้ม RP เหมือนกันน่ะครับ(ไม่ว่าจะแพ้ หรือ ชนะได้หมดน่ะครับ แต่จะได้ เยอะ หรือ น้อย ขึ้นอยู่กับการที่เราชนะ หรือ แพ้ น่ะครับ) หรืออาจจะมีอีกวิธีหนึ่ง คือการเปิดราฟที่ซื้อได้จากคุณ Xinfu ที่เมืองแสงน่ะครับ ซึ่งจะสุ่มไอเทมที่เพิ่มค่า RP  และ อย่างอื่นอีกมากมายน่ะครับ ส่วนรูปด้านบนที่เห็นกัน เกราะที่ผมใส่ เป็นเกราะ RP น่ะครับ ซึ่งสามารถแลกได้ที่คุณเสือดำ ที่โคลอสเซียมน่ะครับ ซึ่งสิ่งของบางอย่างที่ใช่ RP แลกจะจำกัดยศในการใส่ด้วย ยศดูยังไง?หรอครับ การดูยศก็กด Item ขึ้นมาและดุรูปทางด้านบนขวามือสุด น่ะครับ หากคุณเล่นไปนานๆคุณจะเห็นรูปภาพเปลี่ยนไป หรือนั้นก็คือการเลื่อนยศนั้นเองน่ะครับ สำหรับผุ้ที่มีแต้ม RP เกิน 38880 น่ะครับ ทางทีมงานเกม 12 หางออนไลน์ได้มีการลดค่าแต้ม RP (ด้านล่าง)ลง 2เปอเซ็นต์ทุกสัปดาห์น่ะครับ เพื่อที่จะชิงตำแหน่งแชมเปี้ยนกัน ซึ่งแชปเปี้ยนก้สามารถซื้อของ RP ได้มากกว่าคนอื่นน่ะครับ

ส่วนรูปทางด้านขวามือ คือ ค่า RP ในการเปลี่ยนยศนั้นเองน่ะครับ ซึ่ง ณ ปัจจุบันตอนนี้ผู้ที่มีรายชื่อ ติดบอร์ด RP จะได้ยศ แชมเปี้ยน น่ะครับ ซึ่งสิ่งของบางอย่าง จำกัดยศในการซื้อน่ะครับ อย่างเช่น ชุดจอมทัพ(หรือชุด RP นั้นเอง) ต้องมียศ มาเชล ขึ้นนั้นเองน่ะครับ ถึงจะสามารถใส่ได้ วันนี้ก็ขอจบการรีวิว เรื่อง ระบบ RP ไว้แต่เพียงเท่านี้หล่ะครับ พบกันใหม่รีวิวหน้า บ้าย บาย

12 ออนไลน์- โนวิสกราว จุดเริ่มต้นของคนที่ยังไม่มีกิลด์

     สวัสดีคร้าบบบ….สวัสดีครับ..เพื่อนๆทุกท่านวันนี้ผมจะมารีวิวเกม 12 หางออนไลน์กันน่ะครับ ในหัวข้อเรื่อง โนิวกราว จุดเริ่มต้นของคนที่ยังไม่มีกิลด์  เนื้อหาส่วนมากที่ผมนำมารีวิว จะเป็นส่วนของการแนะนำมือใหม่เป็นส่วนใหญ่น่ะครับ(ผมเองก้เป็นมือใหม่อะน่ะครับ มารีวิวพวกเดียวกันเอง 55+) พวกคนเวลสูงๆอาจจะหลงเข้ามาในเว็บนี้สัก คน สองคน(แค่นี้ก็บุญมากแล้วครับ) ถ้าหากมีตรงไหนผิดอะไรก้คอมเมนต์มาด้วยน่ะครับ

      โนวิสกราว เป็นสถานที่รวมคนที่ไม่มีกิลด์ แต่อาจจะพบเห็นคนมีกิลด์ นิดๆหน่อยๆ หรือ บางที่ก็เยอะสุดๆ เหตุที่พวกคนมีกิลด์มา มีอยู่ไม่กี่สาเหตุหรอกครับ เช่น หาคนเข้ากิลด์ มาเดินเล่น มารวมพลเพื่อจะไปลงอารีน่าอะไรประมาณนี้น่ะครับ ซึ่งตัวผมเองตอนแรกที่เข้าเกมมาก็คิดว่า โนวิสกราวเป็นจุดที่รับภารกิจต่างๆ ทำให้คนเยอะแยะมากมาย แล้วตอนนั้น ผมเห็นพวกเวลสูงๆประกาศหาทีม ผมก็คิดว่า สงสัยช่วยคนกัน ผมก็เลยขอเข้าไปในทีมด้วย (โอ้แม่เจ้า  เวล 62 กับ เวล 1) เค้าบอกว่า บ้ารึเปล่า ไปก้เป็นไก่ฟรีๆ ตอนแรกก้ งงนิดๆอ้าวทำไมอะไรยังไง พอเล่นมาสักพักถึงรู้ว่า เค้ากำลังหาทีมลง อารีน่ากันอยู่ (หน้าแตกสุดๆ)  โอเคครับๆ มาเข้าเรื่องดีกว่าน่ะครับ นอกเรื่องมาเยอะหล่ะ 555+

       อ่า อย่างที่เห้นจากทางรูปด้านขวาน่ะครับ (ผมเป็นลิงน่ะครับ) ด้านซ้านของผม คุณ Red Panda

(หมีแพนด้าสีแดงนั้นเอง ซึ่งไม่รู้ว่าแดงตรงไหนเหมือนกันแหะ) จะเป้นคนที่รับภารกิจ Mission ต่างๆมาให้เราช่วย ซึ่งแต่ละ Mission จะมีมอนสเตอร์ ที่ซ้ำกันบ้าง และตัวใหม่มาบ้าง เมื่อเราเล่นจบมิสชัน นั้นๆจะได้รับ เงิน ไว้ใช่ซื้อของต่างๆที่เมือง และ แต้ม RP(ผุ้เล่นใหม่บ้างคนอาจจะสงสัยเรื่องแต้ม RP น่ะครับ เดียวผมจะรีวิวให้อีกทีหนึ่ง) ส่วนทางด้านขวาของผมนั้น เค้าชื่อ Kuru ผู้รอบรู้ทุกเรื่อง เวลาเราสงสัยอะไรก้ลองไปถามเค้าได้น่ะครับ (ซึ่งกระผมเองถึงสงสัยเพียงใด ก็ไม่เคยไปถามเค้าสักทีเลยอะน่ะครับ ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกัน = =”)                 

 ส่วนรูปถัดมา คือคุณ Linlin นกฮูกสีชมพู Linlin เป็นคนขายของพวก ยาต่างๆ อะน่ะครับ อย่าง ยา HP ไว้ฟื้นเลือดตอนกำลังจะตาย หรือ อย่างบัตรเข้าดันเจี้ยน ก้สามารถซื้อได้ที่นี้เหมือนกันน่ะครับ

วันนี้ก็ขอจบการรีวิวเรื่องโนวิสกราว จุดเริ่มต้นของคนที่ยังไม่มีกิลด์ไว้แต่เพียงเท่านี้น่ะครับ สำหรับก็ บ้าย บาย น่ะครับ เจอกันใหม่ในรีวิวหน้า

Miyamoto Musashi

        มิยะโมโตะมุซะชืกิดในช่วงปี พ.ศ. 2127 ที่เมืองฮะริมะ (Harima) เป็นซามูไร ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากคนหนึ่ง ว่ากันว่าเขาไม่เคยดวลแพ้ใครโดยการดวลที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือการดวล  กับ ซะซะกิ โคะจิ

         มิยะโมโตะมุซาชิ ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ มีชีวิตอยู่ในราว ค.ศ. 1584-1645 จากประวัติการต่อสู้กว่า 60 ครั้ง ไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียวนั่นไม่ใช่โชคช่วย แต่เป็นเพราะฝึกฝนมาอย่างดีทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะการฝึกจิตเพื่อเอาชนะศัตรูภายในตนเอง จนกระทั่ง”มีความสามารถที่จะรบชนะ”  และเป็นผู้แต่งหนังสือกลยุทธ์การต่อสู้ ชื่อว่า คัมภีร์ห้าห่วง ซึ่งทั่วโลกยอมรับว่าเป็นผลงานอัจฉริยะ มูซาชิ มิได้มีแค่ชัยชนะในสมรภูมิเท่านั้น หากเป็นทั้งการแสวงหาทางด้านจิตวิญญาณ-ความหมายแห่งชีวิต และความเป็นเลิศในเชิงดาบไปพร้อม ๆ กัน

          เขาของซามูไรบ้านนอกขาดแม่ และในวัยเด็กทำท่าว่าจะเป็นคนที่เอาดีไม่ได้ อย่างไรก็ตามลักษณะเด่นของมูซาชิคือเป็นคนบึกบึนไม่ยอมแพ้ใครซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่งของนักรบ สำหรับการเป็นนักรบนั้นแตกต่างจากนักฆ่าโดยสิ้นเชิง นักรบเห็นคุณค่าของชีวิตไม่ว่าของตนเอง หรือของผู้อื่น ไม่โอ้อวดเสี่ยงภัยอย่างไร้สาระ พร้อมเสียสละชีวิตเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายที่เหมาะสมจริง ๆ  มูซาชิเป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลของสมองทั้งสองข้าง ทั้งซีกซ้ายและซีกขวา ใช้ดาบได้อย่างคล่องแคล่วทั้งสองมือ
ดาบคู่ของเขานั้นยังสั้นข้าง-ยาวข้าง ด้วยการชี้แนะของพระเซนรูปหนึ่งที่ชื่อ ทากุอัน มูซาชิได้เลิกนิสัยมุทะลุดุดันชอบเอาชนะแบบบ้าเลือด แล้วหันมาแสวงหาหนทางการเป็นนักสู้ที่แท้จริง การใช้กำลังกับภูมิปัญญามิใช่สิ่งแยกออกจากกันได้ มูซาชิอ่านทุกอย่างตั้งแต่ประวัติศาสตร์ปรัชญามาจนถึงตำราพิชัยสงคราม ขณะเดียวกันก็ได้ฝึกควบคุมตัวเองให้รู้จักสงบนิ่งเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้าย   มูซาชิได้ค้นพบว่าหนทางแห่งนักรบนั้นแยกไม่ออกจากหนทางแห่งความเป็นคน ความเป็นเลิศในเพลงดาบคือสิ่งเดียวกับความงาม ความสงัดสุข และความดี พูดอีกนัยหนึ่งคือ มูซาชิจะไม่สามารถบรรลุความเป็นเลิศในฝีมือได้ถ้าหากเขาไม่แสวงหาทางหลุดพ้นในระดับจิตวิญญาณไปพร้อมๆกัน  ท่ามกลางการฝึกฝีมือดาบ มูซาชิได้เรียนรู้การวาดภาพ การแกะสลัก การเขียนบทกวี ตลอดจนสิ่งประณีตละเอียดอ่อนอีกหลาย ๆ อย่าง ในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งเดียวกัน ” มันคือศักยภาพของความเป็นคน ”
จากเด็กหนุ่มที่บ้าเลือดไร้ทิศทาง มูซาชิค่อย ๆ กลายเป็นหนุ่มใหญ่ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ละเอียดอ่อนทั้งกับผู้อื่นและตัวเอง เขาเติบโตพ้นเรื่องของศักดิ์ศรีหน้าตาที่เป็นเพียงเปลือกนอก ตลอดจนลาภ ยศ สรรเสริญทั้งปวงอันนี้ทำให้มูซาชิสามารถหลีกเลี่ยงสมรภูมิที่ไม่จำเป็นได้โดยไม่แยแสกับเสียงติฉินนินทา ทว่ายามใดที่ต้องรบ เขาก็สามารถรบได้ด้วยความสงบนิ่งดุจภูผา ศัตรูคนแล้วคนเล่าร่วงล้มด้วยเพลงดาบไร้สำนักของเขา กระทั่งชื่อมูซาชิกลายเป็นที่รู้จักกันทั่วไป

   แม้ยามที่มีชื่อเสียงแล้วก็ตาม มิยาโมโตะ มูซาชิก็ยังใช้ชีวิตเหมือนนักพรตผู้ถือดาบ กินอยู่สมถะ นุ่งเจียมห่มเจียม ครองตัวเป็นนักดาบไร้สังกัดปราศจากฐานะตำแหน่งใด ๆ ในวงจรอำนาจซึ่งกำลังแก่งแย่งชิงดีกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

   มิยะโมะโตะ มุซะชิ เสียชีวิตในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2188 ในเมืองฮิโกะ (Higo) ด้วยวัย 61 ปี

Hannibal Barca

            ฮันนิบาล บาร์กา เป็นรัฐบุรษของชาวคาร์เทจ และเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในโลกยุคโบราณ เพราะเขาบุกโจมตีโรมและทำศึกโดยปราศจากความพ่ายแพ้เป็นเวลานานกว่า 15 ปี โดยใช้กลยุทธ์และยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ในการรบ 

            บิดาของฮันนิบาลเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งคาร์เทจ ชื่อ ฮามิลการ์ บาร์กา (Hamilcar Barca) เสียชีวิตในการรบเพื่อกำราบชนพื้นเมืองในคาบสมุทรไอบีเรีย ฮัสดรูบาล (Hasdrubal the Fair) บุตรเขยจึงรับหน้าที่เป็นแม่ทัพต่อจากเขา ฮัสดรูบาลสามารถสร้างกองทัพคาร์เทจใหม่ได้สำเร็จ แต่ไม่นานเขาก็สิ้นชีวิตลงเนื่องจากถูกชนพื้นเมืองชาวเคลต์ลอบสังหาร และก่อนที่คำสั่งแต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่จากคาร์เทจจะมาถึง เหล่าทหารก็ยกให้ฮันนิบาลขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งคาร์ธาจีนา (ศูนย์กลางของชาวคาร์เทจในไอบีเรีย) หลังจากรับตำแหน่ง ฮันนิบาลยังไม่วางแผนโจมตีโรมในทันที เนื่องจากต้องการสร้างพันธมิตรที่เข้มแข็งกับบรรดาเมืองและชนเผ่าต่าง ๆ
ในคาบสมุทรไอบีเรียเสียก่อน  ทว่าในบรรดาเมืองเหล่านั้น นครซากุนโต (Sagunto) ซึ่งมีเหมืองเงินที่อุดมสมบูรณ์ได้ขอเป็นพันธมิตรกับโรมและปฏิเสธข้อเสนอของฮันนิบาล       นอกจากนี้ ซากุนโตยังวางแผนที่จะดึงพันธมิตรต่าง ๆ ในไอบีเรียไปจากคาร์เทจอีกด้วย ฮันนิบาลจึงตัดสินใจเข้าโจมตีซากุนโตในปี พ.ศ. 324
แม้จะรู้ว่านั่นหมายถึงสงครามกับโรมก็ตาม หลังจากล้อมอยู่ไม่นาน ทัพคาร์เทจก็พิชิตซากุนโตได้สำเร็จ ทางโรมทราบเรื่องด้วยความไม่พอใจมาก แต่เนื่องจากยังไม่ต้องการทำสงคราม ดังนั้น ทางสภาโรมจึงสั่งให้คาร์เทจส่งตัวฮันนิบาลไปยังโรม ฮันนิบาลปฏิเสธและระดมกองทัพทันที และ ในปี พ.ศ. 325 สงครามพิวนิกครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้น ฮันนิบาลแม่ทัพหนุ่มวัย 29 ปี ยกกองทัพอันประกอบด้วยทหารราบคาร์เทจ
และสเปน 70,000 นาย ทหารม้านูมิเดียน 12,000 นาย และช้างศึกหุ้มเกราะ 40 เชือก ออกจากการ์ตาโกโนวา ทางโรมเชื่อว่าฮันนิบาลจะเข้าตีโรมโดยทางเรือ จึงเตรียมการป้องกันตลอดแนวชายฝั่ง ทว่าฮันนิบาลทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด คือการรุกข้ามเทือกเขาพิเรนีสและเทือกเขาแอลป์เข้าไปทางตอนเหนือของคาบสมุทรอิตาลี รวมทั้งสามารถเอาชนะกองทัพโรมันได้ในการรบอีกหลายครั้ง แผนที่เส้นทางเดินทัพทางบกของฮันนิบาล ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก
ภาควิชาประวัติศาสตร์ วิทยาลัยการทหารสหรัฐอเมริกา

                 อย่างไรก็ตาม การรุกรานแอฟริกาเหนือของโรมันก็ทำให้ฮันนิบาลต้องถอนทหารกลับไปป้องกันเมืองคาร์เทจในยุทธการที่ซามา ซึ่งเป็นการรบครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายของสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 เขาได้พ่ายแพ้ให้กับกองทัพโรมันที่นำโดยสกีปีโอ อาฟรีกานุส (Scipio Africanus) โดยเมืองคาร์เทจต้องยอมจำนนต่อกรุงโรมหลังจากที่สูญเสียทหารไปกว่า 30,000 คน และต้องเสียคาบสมุทรไอบีเรียให้กับโรมันไปอีกด้วย  ต่อมาอีก 14 ปี โรมันก็ได้เรียกร้องให้ฮันนิบาลยอมมอบตัว เขาจึงเนรเทศตัวเองไปอยู่ที่เมืองไทร์ (ปัจจุบันอยู่ในเลบานอน) ซึ่งเป็นเมืองแม่ของคาร์เทจ (ชาวฟินิเชียนจากเมืองไทร์เป็นผู้ก่อตั้งเมืองนี้) และจากนั้นจึงเดินทางไปที่เมืองเอเฟซุส (ปัจจุบันอยู่ในตุรกี) ขณะอยู่ที่เอเฟซุส ฮันนิบาลพยายามสนับสนุนพระเจ้าอันตีโอกุสที่ 3 (Antiochus III) กษัตริย์แห่งเมืองนั้นให้ทรงทำสงครามกับโรมัน และเขาก็ได้บัญชาการทัพเรือของพระองค์ในปี พ.ศ. 348 แต่ก็พ่ายแพ้ในยุทธการใกล้แม่น้ำยูริเมดอน เขาจึงหนีจากเอเฟซุส
(ซึ่งมีทีท่าว่าจะส่งตัวเขาให้กับโรมันด้วย) ไปอยู่เกาะครีต แต่จากนั้นไม่นานก็กลับมาที่เอเชียไมเนอร์อีกครั้ง โดยขอลี้ภัยกับพระเจ้าปรูซีอัสที่ 1 (Prusias I) แห่งบิทิเนีย ฮันนิบาลได้ช่วยพระองค์รบกับกองทัพจากเมืองเปอร์กามอนซึ่งเป็นพันธมิตรของโรมัน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายโรมันก็ยังยืนกรานที่จะให้เขามอบตัว ซึ่งพระเจ้าปรูซีอัสที่ 1 ก็ทรงยินยอมที่จะส่งตัวฮันนิบาลให้ ในที่สุดเมื่อสิ้นหนทางหนี เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูโดยจบชีวิตของตนลง
ด้วยการดื่มยาพิษในปี พ.ศ. 360 ที่เมืองลิบิสซา ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลมาร์มะรา

                 แม้ว่าจะไม่อาจเอาชนะโรมได้อีก แต่ฮันนิบาลก็ได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งแม่ทัพของโลกคนหนึ่ง ด้วยว่าตลอดเวลา 15 ปีที่เขาทำศึกในดินแดนโรมันนั้น ฮันนิบาลไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รับกำลังสนับสนุนจากใครเลย

Leonidas (เลโอไนดาส)

              เลโอไนดาสที่ 1 เป็นกษัตริย์ของชาวสปาร์ตัน ซึงนำกำลังทหารนักรบสปาร์ต้าจำนวนไม่มากนัก ไปต่อต้านกำลังทหารที่มีมากมายซึ่งมาจากจักรวรรดิเปอร์เซียที่ยกทัพมารุกรานนครรัฐกรีก  ประมาณปี พ.ศ 63 (480 ปีก่อนค.ศ.) กองทัพเปอร์เซียของกษัตริย์เซอร์ซิสที่1 ได้นำกองทัพขนาดมหาศาลจำนวน500,000คน (ทัพบก250,000 ทัพเรือ250,000)เข้าตีดินแดนกรีกทางเขตมาซีโดเนีย เพื่อเป็นการล้างแค้นแทนพระบิดาของตน(กษัตริย์ดาริอุส) ที่เคยพ่ายแพ้สงครามแก่พันธมิตรแห่งกรีกในสงครามเปอร์เซียครั้งแรก(พ่ายแพ้การยุทธที่มาราธอน) และเป็นการเปิดฉากสงครามเปอร์เซียครั้งที่ 2

               ด้วยความเข้มแข็งของทัพเปอร์เซียและแผนของแม่ทัพกรีกที่จะถ่วงเวลาเพื่อรวบรวมกำลัง กรีกจึงต้องยอมเสียเมืองเล็กเมืองน้อยให้ฝ่ายเปอร์เซียยึดไล่มาเรื่อยจนทัพเปอร์เซียมาถึงบริเวณช่องเขาแห่งหนึ่งคือ “เธอร์โมไพลาย”(Thermopylae) ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงนครเอเธนส์ ช่องเขานี้เองจะกลายเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามครั้งนั้น ตอนนี้ทัพเปอร์เซียต้องมาเจอกับกองกำลังผสมของทหารเอเธนส์-สปาร์ตา-นครพันธมิตร จำนวน7,000นายซึ่งนำมาโดยกษัตริย์ “เลโอนิดาส” แห่งสปาร์ตาผู้เจนศึก แต่จำนวนทหารสปาร์ตาที่เชี่ยวชาญสงครามนั้นมีจำนวนแค่น้อยนิด เพราะว่าเวลานั้นเป็นช่วงเทศกาล”คาร์เนี่ยน”
ที่ชาวสปาร์ตาเขาถือกันว่าไม่ควรออกทำศึก ทหารสปาร์ตาที่มาจึงเป็นกองกำลังเล็กๆ ของเลโอนิดาสที่คัดเลือกมานั่นเอง(เทศกาล”คาร์เนี่ยน”จัดขึ้นในสปาร์ตายุคโบราณเพื่อบูชาเทพเจ้าอะพอลโล่ โดยเมื่อถึงเวลาชาวสปาร์ตาจะเก็บตัวและจัดงานฉลองอยู่ในบ้านเมืองตนเองเท่านั้น และห้ามทหารออกรบรึเข้าร่วมศึกสงครามใดๆ ทั้งสิ้น)
เมื่อกว่า2500ปีมาแล้ว กรีกไม่ได้รวมเป็นอาณาจักร แต่เป็นรัฐอิสระจำนวนมาก เช่น เอเธนส์ โครินธ์ และสปาทาซึ่งต่างก็มีกฎหมายและระบบการปกครองเป็นของตนเอง ชาวกรีกอยู่ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเปอร์เซีย ซึ่งมีอาณาเขตตั้งแต่ ตรุกี อียิปต์ตอนเหนือ  เทอโมไพลาย กษัตริย์เลโอนิดาสคะเนจากชัยภูมิแล้วจึงให้วางกำลังทหารส่วนหนึ่งไว้บนที่สูงและบริเวณปากช่องเขา พอทหารเปอร์เซียเดินทัพเข้ามาทางหุบเขาที่เป็นบริเวณแคบอยู่แล้วก็ถูกกำลังของเลโอนิดาสซุ่มโจมตีจนต้องสูญเสียไพร่พลไปจำนวนมากสองวันแรกของการรบนั้นสถาณการณ์อยู่ข้างฝ่ายกรีก ตอนแรกฝ่ายเปอร์เซียส่งทหารชาวเมเดส(Medes)เข้าเป็นหน่วยแนวหน้า แต่เมื่อชาวเมเดสอันเหี้ยมหาญต้องมาเจอกับยุทธวิธีแบบ”ฟาแลงซ์”(phalanx)ของชาวกรีกเข้าก็ต้องสิ้นท่าครับตายกันเกลื่อนบริเวณ แม้ต่อมาเซอร์ซิสได้ส่งทหารหน่วยอมตะ(Immortal)จำนวน 10,000นายซึงเป็นทหารหน่วยที่เยี่ยมที่สุดเข้าต่อกรแต่ก็ให้ผลไม่แตกต่างกัน การรบช่วงแรกชัยชนะจึงตกเป็นของกรีก ะหว่างที่คิดหาทางจะโจมตีทัพกรีกอยู่นั้นก็เหมือนสวรรค์เข้าข้างเปอร์เซีย มีชาวกรีกทรยศชื่อ”เอพิเทส”(Ephialtes)ได้มาเสนอว่าจะพาเซอร์ซิสไปชมพื้นที่ของช่องเขาแห่งนี้โดยแลกกับรางวัล  เอพิเทสพากษัตริย์เปอร์เซียไปชมช่องเขารอบๆ และเส้นทางแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่รกไปด้วยพุ่มไม้หนามแต่ว่าสามารถไปทะลุที่หลังค่ายชาวกรีกได้(ต่อมาชื่อ”เอพิเทส”นี้ได้ถูกนำมาต่อท้ายกลายมาเป็นคำว่า”Ephialtes the tratiors” หรือเอพิเทสคนขายชาติ โดยชื่อของเขา
ได้กลายมาเป็นคำศัพท์ในภาษากรีกซึ่งถ้าแปลเป็นอังกฤษจะหมายความว่า “nightmare” ฝันร้ายนั่นเอง)ในวันที่สามตอนรุ่งสางแม่ทัพเปอร์เซียได้นำทหารหน่วยอมตะจำนวนหนึ่งไปตามเส้นทางลับนี้และเจอกองทหารชาว”โพเชี่ยน”1,000นาย ซึ่งเลโอนิดาสให้มาเฝ้าเส้นทางไว้ ฝ่ายเปอร์เซียได้ทำการยิงห่าฝนธนูจำนวนมากไปยังทหารโพเชี่ยนที่ส่วนใหญ่ยังหลับอยู่ ก่อนเข้าประจัญบานจนทหารโพเชี่ยนแตกกระบวนถอยหนีไปหมด ทำให้เปอร์เซียสามารถตียึดเส้นทางนี้ได้อย่างง่ายดาย  เมื่อตะวันขึ้นเลโอนิดาสจึงทราบว่ากองทัพของตนตอนนี้ถูกล้อมกรอบเสียแล้วเขาจึงทำการเรียกประชุมแม่ทัพนายกองทั้งหมด โดยขุนศึกของเอเธนส์และนครกรีกอื่นๆ เสนอว่าควรถอยทัพกลับไปขณะที่ยังมีโอกาส หลังการประชุมกษัตริย์เลโอนิดาสจึงออกคำสั่งที่กล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษ คำสั่งคือให้ทัพจากนครกรีกอื่นๆ ถอยทัพไปรวมพลกับกองทัพพันธมิตรที่ตั้งค่ายรออยู่ ส่วนตนเองพร้อมทหารสปาร์ตา “300”
นายจะคอยยันถ่วงเวลาทหารเปอร์เซียไว้เพื่อให้ทัพกรีกหนีไปอย่างปลอดภัย โดยที่มีทหารจากนคร”เทปเซียน”(Thepsians)จำนวน700นายซึ่งนำโดยแม่ทัพ”เดโมฟิลัส” ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยสปาร์ตาอีกแรงหนึ่งด้วย

              โดยในวันนั้นเลโอนิดาสได้จัดการแจกจ่ายเสบียงให้ทหารของตนกินกันให้เต็มที่พร้อมทั้งกล่าวปลุกใจทหารของตนว่า(Tonight we will dine in Hell) “คืนนี้เราจะฉลองมื้อค่ำกันในนรกภูมิ” โดยหลังจากนั้นเมื่อทหารกรีกอื่นๆ เริ่มทยอยหนีจากค่ายไปแล้วทหารสปาร์ตา300นายและทหารเทปเซียนได้เดินทัพออกมาจากค่ายและได้เข้าประจัญบานกับทัพเปอร์เซียในที่โล่งทหารหลายคนโดนธนูยิงตายตั้งแต่ยังไม่ตะลุมบอน ที่รอดจากคมธนูต่างต่อสู้อย่างถวายชีวิตด้วยรู้ว่าตนจะไม่มีโอกาสรอดกลับไป
บ้านเกิดเมืองนอนแล้ว ทั้งหอกและดาบสั้นถูกนำมาใช้ประมือกันในระยะใกล้อย่างเหี้ยมโหด ถึงแม้ทหารสปาร์ตาแต่ละคนจะเป็นเผ่าพันธุ์นักรบและได้รับการฝึกมาอย่างดี แต่ด้วยจำนวนเพียงน้อยนิดจึงทำให้ตกเป็นรองและถูกฝ่ายเปอร์เซียฆ่าล้างบางจนเกลี้ยง  หนึ่งในจำนวนนี้ยังรวมถึงกษัตริย์เลโอนิดาสซึ่งได้ทรงสิ้นพระชนม์ในที่รบนั้นด้วย จากนั้นทัพเปอร์เซียได้ทำการล้อมค่ายของชาวกรีกที่ตอนนี้เหลือทหารเทปเซียนและธีบานส์อยู่ไม่มาก ทหารกรีกที่เหลือในค่ายตอนนี้ต่างเข้าทำการรบครั้งสุดท้ายอย่างไว้ลายด้วยอาวุธทุกอย่างที่พอจะหามาได้

              ส่วนทหารธีบานส์ภายใต้การคุมของแม่ทัพ”เลออนไธเดส”ได้แสดงความขี้ขลาดออกมาโดยได้ยกมือทิ้งอาวุธยอมจำนนทันที แต่ชาวเปอร์เซียซึ่งไม่ฟังเสียงก็ได้ทำการล้อมค่ายแล้วยิงธนูเป็นห่าฝนเข้าสังหารทหารในค่ายที่เหลือจนเกือบหมด

             เมื่อเสร็จศึกบริเวณช่องเขากษัตริย์เซอร์ซิสได้ทำการตัดหัวของเลโอนิดาสจากร่างอันสิ้นลมของเขาและนำร่างที่เหลือไปตรึงกับแผ่นไม้ แต่ภายหลังกษัตริย์เซอร์ซิสรู้สึกว่าตนลบหลู่เกียรติของกษัตริย์เลโอนิดาสผู้ห้าวหาญจึงได้สำนึกเสียใจขึ้นมาพระองค์จึงสั่งให้บรรจุศพของเลโอนิดาสไปฝังอย่างสมเกียรติและทำแท่นหินรูปสิงโตปักไว้เหนือหลุมในบริเวณช่องเขาเธอร์ไมโพลีนั่นเอง 40ปีต่อมาพระศพของเลโอนิดาสจึงถูกส่งคืนกลับสปาร์ตา

             จากเหตุการณ์นี้ทำให้เปอร์เซียสูญกำลังรบหลักไปหลายหมื่นนายด้วยน้ำมือของทหารสปาร์ตาแค่ไม่กี่หยิบมือ กษัตริย์เซอร์ซิสจึงเร่งเดินทัพไปจนถึงกรุงเอเธนส์และทำการเผาเมืองจนวอดวายไปหมดด้วยความแค้น แต่ทว่าชาวเมืองไหวตัวทันก่อนและได้ชิงหลบหนีไปหมดแล้วจึงเป็นการเผาเมืองเปล่าๆ

              ส่วนทหารพันธมิตรนั้นได้ย้ายกองทัพไปซ่อนที่เมืองชายฝั่งบนเกาะแห่งหนึ่งชื่อ”ซาลามิส”เพื่อรอรับการโมตีจากเปอร์เซีย เมื่อกองเรือเปอร์เซียตามมาทันแม่ทัพกรีก”เธมิสโตคลิส”จึงสั่งให้ทัพเรือเอเธนส์ระดมยิงลูกไฟจากเรือ เพื่อทำการโจมตีแบบไม่ให้เปอร์เซียตั้งตัวและทำการหันหัวเรือเข้าชนเรือเปอร์เซียจนเสียหายไปมากถึง 200กว่าลำ (เรือกรีกสมัยนั้นนิยมทำหัวให้แหลมและติดเหล็กยาวปลายแหลมที่ทำเป็นรูปต่างๆไว้เพื่อสะดวกเวลาพุ่งชนเรือข้าศึกให้จมลง)

ทัพเรือเปอร์เซียทนความสูญเสียไม่ไหวจึงต้องถอนทัพกลับ ส่วนทัพบกนั้นได้เข้าตะลุมบอนกับทัพพันธมิตรกรีก ซึ่งตอนนี้ได้ระดมพลมาได้จำนวนมาก (รวมทั้งจากนครสปาร์ตาที่ตอนนี้หมดหน้าเทศกาลคาร์เนี่ยนแล้ว) ทัพกรีกเวลานี้มีการเตรียมตัวมาอย่างดีและก็เป็นกรีกที่ชนะได้เกือบจะทุกสมรภูมิ จนการรบไปจบลงที่สมรภูมิสุดท้ายบริเวณเมือง”พลาเทีย”ซึ่งหลังจากนั้นแม่ทัพกรีกได้มีการตั้งฆ่าหัวของเอพิเทสที่ทรยศชาวกรีกไว้ด้วย ต่อมาชายชื่อ”อาเธนาเดส”ได้เป็นผู้สังหารเอพิเทสผู้ทรยศ

Saladin

        ซาลาดิน มีชื่อภาษาอาหรับเต็มว่า ศอลาฮุดดีน ยูซุฟ อิบนุอัยยูบ บางครั้งก็ถูกเรียกว่า อัลมาลิก อัลนาศิร ศอลาฮุดดีน ยูซุฟ เกิดเมื่อ ค.ศ.1137 ในตำบลติกรีต (ปัจจุบันอยู่ในอิรัก) และ เสียชีวิตในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1193 ที่เมืองดามัสคัส เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปกครองมุสลิมผู้มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นสุลต่านมุสลิมผู้ปกครองอียิปต์ ซีเรีย เยเมนและปาเลสไตน์และเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์อัยยูบีย์ ในสงครามต่อต้านการรุกรานของนักรบครูเสด ศอลาฮุดดีนประสบความสำเร็จในขั้นสุดท้าย
ด้วยการยึดเมืองเยรูซาเลมกลับคืนมาได้ในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1187 ซึ่งทำให้การยึดครองของพวกแฟรงค์เป็นเวลา 88 ปีต้องสิ้นสุดลง 

        ศอลาฮุดดีนเกิดในครอบครัวชาวเคิร์ด ในคืนที่เขาเกิด นัจญ์มุดดีน อัยยูบ พ่อของเขาได้รวมคนในครอบครัวเดินทางไปยังเมืองอาเล็ปโปเพื่อไปรับใช้อิมาดุดดีน ซางกี ผู้ปกครองชาวเติร์กที่มีอำนาจในซีเรียตอนเหนือ เขาเติบโตในเมืองบะอัลบักและดามัสคัส แต่ในตอนเริ่มแรกนั้นศอลาฮุดดีนให้ความสนใจในเรื่องของศาสนามากกว่าการฝึกฝนทางทหาร เขาเริ่มต้นอาชีพอย่างเป็นทางการเมื่อได้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ของอะซัดดุดดีน ชิรกูห์ ลุงของเขาซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของเจ้าชายนูรุดดีน
ลูกชายและทายาทผู้สืบอำนาจต่อจากซางกี ศอลาฮุดดีนได้ประสบการณ์ในการรบระหว่างการเดินทางออกศึกสามครั้งยังอียิปต์ภายใต้การนำของชิรกูห์เพื่อป้องกันการรุกราน
ของพวกครูเสด เขาจึงมีนโยบายส่งเสริมให้มีการเติบโตและแพร่ขยายสถาบันต่าง ๆ ของมุสลิม เขาให้การอุปการะนักวิชาการและนักเผยแผ่คำสอนอิสลาม ก่อตั้งวิทยาลัยและมัสญิดสำหรับคนเหล่านั้นและแนะนำให้บรรดานักวิชาการเขียนงานวิชาการออกมาโดยเฉพาะเรื่องการญิฮาด ฟื้นฟูขวัญกำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน

         ศอลาฮุดดีนประสบผลสำเร็จในการเปลี่ยนดุลอำนาจทางทหารให้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ โดยการที่เขาสามารถรวบรวมและจัดระเบียบกองกำลังที่ไร้ระเบียบวินัยมากกว่าการที่จะใช้เทคนิคใหม่ ๆ ทางทหาร ในที่สุด เมื่อกำลังทหารของเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพครูเสด

               ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1187 ศอลาฮุดดีนก็สามารถทำลายกองทัพของพวกครูเสดได้ที่ฮัตตีนใกล้กับทะเลสาบไทเบเรียในปาเลสไตน์ตอนเหนือ สงครามครั้งนั้นสร้างความเสียหายให้แก่พวกครูเสดอย่างหนัก จนกองทัพมุสลิมสามารถเข้ายึดราชอาณาจักรเยรูซาเล็มได้เกือบทั้งหมด เมืองอัคเร, โตรอน, เบรุต, ไซดอน, นาซาเร็ธ, ซีซาเรีย นะบลุส, ญัฟฟาและอัสคาลอนได้ตกเป็นของมุสลิมภายในสามเดือน 

              วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1187 ศอลาฮุดดีนสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่พวกครูเสด เมื่อเมืองเยรูซาเลมซึ่งเป็นเมืองสำคัญต่อทั้งมุสลิมและคริสเตียนได้ยอมจำนนต่อกองทัพของเขา หลังจากที่ตกอยู่ในมือของพวกแฟรงค์มาเป็นเวลา 88 ปี ชาวเมืองเยรูซาเลมได้รับการปฏิบัติจากกองทัพของศอลาฮุดดีนอย่างดีและมีอารยธรรม ผิดกับเมื่อตอนที่พวกแฟรงค์เข้ามายึดครองซึ่งทำให้ชาวเมืองต้องถูกสังหารหมู่อย่างเหี้ยมโหดทารุณนับหมื่น ๆ คน